วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

หลักการใช้ Past of Speech


หลักการใช้ Part of Speech

Part of Speech แปลว่า ส่วนแห่งคำพูด หรือ ชนิดของคำพูด คำภาษาอังกฤษทุกคที่เราเขียนหรือพูดอยู่ทุกวันนี้จะต้องเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของ Part of Speech

                           Part of Speech แบ่งออกเป็น 8 ชนิด ได้แก่

          1. Noun  =  นาม

          2. Pronoun  =  สรรพนาม

          3. Verb  =  กริยา

          4. Adverb  =  คำวิเศษณ์ (หรือกริยาวิเศษณ์)

          5. Adjective  =  คุณศัพท์

          6. Preposition  =  บุรพบท

          7. Conjunction  =  สันธาน

          8. Interjection  =  อุทาน

จะขออธิบายให้ทราบโดยสังเขปดังต่อไปนี้

1.    Noun แปลว่า ชื่อ ได้แก่ คำที่เราใช้เรียกชื่อ คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, คุณสมบัติหรือคุณค่าต่างๆ เช่น

คน  : Reagan, Sombat, Wilai, Sulaiman ฯลฯ

สัตว์ : Cat, Mongkey, Elephent, Snake ฯลฯ

สิ่งของ : Desk, Chair, Radio, Pencilฯลฯ

สถานที่ : Office, Town, School, Club ฯลฯ

คุณสมบัติหรือคุณค่า : Yruth, Wisdom, Goodness ฯลฯ

2.    Pronoun แปลว่าสรรพนาม หมายถึง คำที่ใช้แทน Noun หรือพูดง่ายๆ ก็คือใช้แทนคน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, คุณสมบัติหรือคุณค่าต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการไม่ให้พูดหรือเอ่ยถึงชื่อคน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, คุณสมบัติหรือคุณค่าต่างๆ ซ้ำๆซากๆ อันจะเป็นเหตุทำให้การฟังไม่ไพเราะเพราะหู

Pronoun ได้แก่คำต่อไปนี้

       I, WE, You, He, She, It, They, Who, These, Each, One เป็นต้น

3.    Verb แปลว่า “กริยา” หมายถึง “กลุ่มคำที่เป็นการแสดงออกของประธาน หรือแสดงภาวะ(being)ของประธาน” ดังนั้นคำที่เรามักได้ยินอยู่เสมอว่า Predicate of the sentence นั้น บางครั้งอาจเป็น Verb ตัวเดียวก็ได้ หรือ Verb บวกกับคำอื่นๆก็ได้ เพื่อช่วยทำให้ประโยคนั้นมีความสมบูรณ์ขึ้น ได้แก่ is, have, read, wash, will have been seen, etc. เรียกคำเหล่านี้ว่า Verb เท่านั้น

4.    Adverb แปลว่า กริยาวิเศษ (บางครั้งอาจารย์ก็รียกว่าคำวิเศษ) หมายถึง “คำที่ไปทำหน้าที่ขยาย Verb, ขยาย Adjective และขยาย Adverb ด้วยกันเองก็ได้ เพื่อให้เนื้อความของประโยคนั้นๆชัดเจนยิ่งขึ้น” ได้แก่

                      Well (ดี), slowly (อย่างช้า), hard (ลำบาก, หนัก), soon(ในไม่ช้า) เป็นต้น

5.    Adjective แปลว่า คุณศัพท์ ได้แก่ คำหรือกลุ่มคำที่ช่วยทำให้ Noun หรือ Pronoun มีความหมายมากขึ้นหรือชัดเจนขึ้น เช่น

                      Higher income (รายได้สูง) Net price (ราคาขาดตัว)

                 A beautiful girl is wanted by everyone. ผู้หญิงสวยเป็นที่ต้องการของทุกคน เป็นต้น

6.    Preposition แปลว่า บุรพบท คือ คำที่ใช้เชื่อม Noun หรือ Pronoun เข้ากับคำอื่นๆ ที่อยู่ในประโยค ทั้งนี้เพื่อให้ใจความของประโยคกลมกลืนสละสลวยขึ้น ได้แก่

                      In, on, at, by, from, toward, into, etc. เช่น

                 Jane is in the office. เจนอยู่ในออฟฟิซ

                      We are from England by plain. เรามาจากประเทศอังกฤษโดยทางเครื่องบิน

7.    Conjunction แปลว่า สันธาน คือ คำที่ใช้เชื่อมคำต่อคำ (Words), วลี (Phrase), หรือประโยค (Clauses) ต่างๆ ให้เชื่อมซึ่งกันและกัน ได้แก่

                 And, or, but, nor, sine, although, while, เช่น

                       He plays but I learn. เขาเล่นแต่ฉันเรียน

8.    Interjection แปลว่า อุทาน คือ คำที่เราพูดออกมาด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากจิตใจ ซึ่งอุทานออกมาเป็นคำเดียวก็ได้ หรือเป็นประโยคก็ได้ เช่น

                 Ah อ้า, Nonsense! เหลวไหลน่า,

What a sad thing it is! มันเป็นเรื่องที่เศร้าใจแท้ๆ